post:

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2559

ปลูกบวบไว้กิน

ปลูกบวบไว้กิน
     บทความนี้จะเป็นการเล่าพร้อมสอนการปลูกบวบไว้ทาน เพื่อให้ท่านที่ไม่เคยปลูกพอจะเข้าใจนิสัยของพืชชนิดนี้ไม่เน้นผลผลิตแค่พอมีไว้ทานและที่สำคัญปลอดสารพิษ
     เชื่อกันว่าบวบมีถิ่นกำเนิดมาจากทางประเทศอินเดียเพราะเนื่องจากพบต้นที่มีลักษณ์ที่เป็นพืชป่าในประเทศอินเดีย บวบจัดเป็นไม้ล้มลุกมีอายุปีเดียว ทนแล้ง ทนฝน โรคและแมลงไม่ค่อยมารบกวนเพียงแต่ว่าในช่วงระยะแรกที่ใบยังน้อยต้นยังเล็กต้องคอยดูแลใกล้ชิดหน่อย หากบวบสามารถตั้งต้นเลื้อยขึ้นค้างแตกยอด และมีใบจำนวนมากแล้วจะแข็งแรงได้เก็บผลทานกันแน่นอนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการเอาใจใส่ดูแล เรามาดูประโยชน์ของบวบกันว่านอกจากอร่อยแล้วยังมีดีอะไรอีก
     ประโยชน์ของผลบวบนั้นมีดังนี้(จากหนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทยของ ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม)
         1.เป็นยาเย็น มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย
         2.หากเป็นคางทูม ให้ใช้ใยผล ที่เผาเป็นถ่านแล้ว ผสมกับน้ำใช้ทาบริเวณที่ปวดได้
         3.ช่วยลดไข้ แก้ร้อนใน
         4.ผลอ่อนมีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะ ผลอ่อนนำไปต้มกับน้ำจนเดือด ใช้น้ำที่ได้นำมาดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
         5.ช่วยขับน้ำนมของสตรีที่มีน้ำนมน้อยหลังการคลอดบุตร
   
      จากข้อมูลด้านบนหน้าร้อนอย่างนี้ผมว่าเราหน้าจะมาปลูกกันไว้สัก4-5ต้นไว้กินกันยาวๆก็ดีไม่น้อยช่วยดับร้อน แก้ร้อนในสุขภาพจะได้แข็งแรงกันนะครับ งั้นเรามาเรียนรู้วิธีปลูกกันเลยนะครับ
      อันดับแรกเลยก่อนที่ผมจะปลูกอะไรไว้กินนั้นสิ่งสำคัญที่สุดเลยเมล็ดพันธุ์ต้องเป็นสายพันธุ์ที่ดีเหมาะสมกับพื้นที่ของเราจะมีชัยไปกว่าครึ่ง เมื่อมีเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสมแล้วต่อไปเราจะต้องคัดเมล็ดใหญ่ๆสวยๆไม่บิดเบี้ยวเพราะเนื่องจา่กเราปลูกไว้ทานเมล็ดที่ได้มา 1 ซองจะมีมากพอสมควร คัดที่เด็ดๆมาเลยดีกว่า ปลูกกินทั้งทีจะได้ไม่เสียเที่ยวเพราะเมล็ดที่มีขนาดใหญ่รูปร่างสวยจะมีโอกาศรอดสูงกว่าเช่นกัน และให้ผลผลิตที่ดีกว่า โตไวกว่า พูดกันง่ายๆเลยว่า 1ซองคัดๆหัวกระทิมาปลูกเลย สัก 6 เมล็ด
เราจะปลูกกันแค่ 3 หลุมจะได้ดูแลง่ายๆและเก็บผลผลิตไม่เยอะเกินไปจะได้ทานกันได้ทัน ไม่ปล่อยให้สุกคาต้นพาต้นโทรมเปล่าๆแทนที่จะเก็บผลผลิตได้นานก็จะได้เก็บแป็บเดียว
      เมื่อได้เมล็ดที่ทรงพลังถึง 6 เมล็ดแล้ว ผมขอเลือกใช้วิธีเพาะกล้าในถาดเพาะ เนื่องจากผมเห็นว่าอากาศร้อนและแดดแรงมาก เกรงว่ากว่าจะได้แสดงพลังจะแห้งไปซะก่อน วัสดุเพาะกล้าเพื่อความสดวกผมใช้พีทมอสราคาย่อมเยาว์เพียง 25 บาท เพาะกล้าได้ถึง 100 หลุม
แบ่งมาสักหน่อยเพาะเพียง 6 หลุม เท่านั้นหลังจากนั้นค่อยๆรดน้ำให้เป็นฝอยกระจายๆเช้าและเย็น

ประมาณ 2-3 วันเมล็ดก็จะเริ่มงอกเมื่อเมล็ดเริ่มงอก ให้วางไว้ในที่มีแสงแดดรำไร นับจากวันนี้คอยรดน้ำเช้าเย็นไปอีก 15 วัน ก่อนที่จะนำต้นกล้ามาปลูกให้เราเตรียมพื้นที่ปลูกโดยขุดดินกว้างยาว
 50x50 ซ.ม. ลึกสัก 30 ซ.ม ตากดินไว้ 7 วัน จำนวน 3 หลุม  หลังจากนั้นให้นำดินปลูกที่มีขายทั่วไป  1 ส่วน มูลวัว 1 ส่วน ปุ๋ยโบกาฉิ 1 ส่วน
ผสมกับหน้าดินที่เราขุดตากไว้แล้วกลบลงหลุมไปรดด้วยน้ำหมักEMแล้วตามด้วยเชื้อสดไตรโครเดอร์มาละลายน้ำ1ช้อนแกงต่อน้ำ5ลิตร จากนั้นคลุมด้วยฟางหมักไว้อีก 7 วัน 


เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วเราก็นำต้นกล้าบวบที่เพาะไว้นำมาปลูก ขุดหลุมปลูกหลุมละ 2 ต้นให้ปลูกในช่วงเย็น กลบดินให้พอดีโค้นต้นคลุมด้วยฟางแล้วรดน้ำเช้าเย็น ปริมาณการรดน้ำนั้นให้สังเกตุว่าหากรดน้ำพอดี ต้นบวบในช่วงตอนกลางวันจะไม่เหี่ยว หลังจากย้ายปลูกแล้ว 7 วัน ช่วงนี้ต้องค่อยดูแลเขาให้ดีๆให้เขาฟื้นตัวได้ ระวังเต่ามะเขือและเต่าแตงด้วยเป็นศัตรูที่หน้ากลัวมากหากระบาดในช่วงที่บวบเรายังเล็กสมุนไพรขนานไหนก็เอาไม่อยู่

แนะนำว่าหากมีเจ้าพวกนี้อยู่ให้ใช้วิธีนำตระกล้าหุ้มด้วยตาข่ายและคลุมน้องบวบเราไว้ก่อนจนกว่าบวบของเราจะโตใหญ่เกินตะกล้าจึงเปิดออก ในช่วงระหว่างนี้บำรุงบวบของเราให้เต็มทีรอรับศึกหนัก
      โดยหลังจากย้า่ยปลูกได้ 7 วันให้ใส้ปุ๋ยเคมี(15-15-15)สัก 1 ช้อนชาพร้อมกับมูลไส้เดือนหรือปุ๋ยโบกาฉิสัก2กำมือถ้ามีทั้งสองอย่างยิ่งดีให้ใส่รอบโค้นต้น การปลูกไว้กินผมจะใส่ปุ๋ยเคมีช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตในระยะแรกเท่านั้นและจะมาเน้นที่ปุ๋ยชีวภาพแทน เมื่อใส่ปุ๋ยกันแล้วฉีดพ่นด้วยไคโตซานสักหน่อยหากมีซึ่งจะช่วยเป็นภูมิคุ้มกันโรคและแมลงได้พอสมควร หลังจากนี้อีก 7 วันให้ใส่ปุ๋ยชีวภาพอีก 1 กำมือพร้อมรดด้วยEMกับฉีดน้ำส้มควัญไม้ในตอนเย็น เมื่อต้นบวบเราโตเกินกว่าตะกล้าที่ครอบแล้วก็เปิดออกได้ พร้อมให้เลื้อยขึ้นค้างที่เราเตรียมไว้ ซึ่งแล้วแต่จะจัดทำตามกำลังแล้วแต่ถนัดพอให้ต้นบวบของเราเลื้อยขึ้นไปได้สัก 2 เมตร
     ช่วงอายุบวบ 35-45 วันให้ฉีดน้ำส้มควัญไม้สลับไคโตซานและติดถุงกาวดักแมลง จะช่วยลดปัญหาโรคและแมลงกวนต้นบวบเราได้ดีพอสมควรส่วนดีมากดีน้อยขึ้นอยู่กับพื้นที่ปลูกว่ามีเจ้าตัวปัญหามากน้อยเพียงใด หลังจากบวบเราติดดอกแล้วจัดหนักจัดเต็มด้วยปุ๋ยชีวภาพโรยด้านข้างบริเวณที่ปลูกให้ทั่ว พร้อมปุ๋ยเคมี 1 ช้อนโต๊ะบริเวณรอบโค่นต้นซึ่งจะเป็นการใส่ปุ๋ยเคมีเป็นครั้งที่ 2 หลังจากนี้จะไม่ใส่แล้ว
     
    หลังจากดูแลอย่างเต็มที่ในช่วง45วันแรกต้นบวบของเราก็พร้อมที่จะปล่อยให้เติบโตได้เอง
     โดยเราคอยรดน้ำบางไม่รดบางปุ๋ยยาใดๆก็ไม่ต้องฉีดแล้วรอเก็บลูกบวบอย่างเดียวเลย


    หากแมลงเต่ามะเขือไม่เยอะมากยังไงก็สู้น้องบวบที่แข็งแรงของเราไม่ได้ใบเขาจะใหญ่มากพร้อมบริจากให้เต่ามะเขือกินได้อย่างสบายๆ
     แต่หากพบเจอไข่ของเต่ามะเขือก็เอาออกได้ เพราะตัวหนอนจะกินเก่งกว่าตัวเต็มไวและยังช่วยลดปริมาณเต่ามะเขือได้อีกด้วย
     หลังจากที่รอคอยจะได้กินบวบหวานๆปลอดสารพิษก็ใกล้เป็นจริง
     หากบวบมีอาการลูกฟ่อบางก็ไม่ต้องตกใจเป็นเรื่องปกติ แต่หากอยากให้ติดผลดกไม่ค่อยฟ่อต้องฉีดน้ำหมักจำพวก"ฮอร์โมน"  เดียววันหลังจะมาสอนทำกัน
    บวบลูกนี้ใกล้จะเก็บกินเต็มทีแล้วรอให้อวบกว่านี้สักนิด
     
    หลังจากรอประมาณ2วันก็ได้เวลากินผัดบวบแล้ว
 
     เป็นอันจบแล้วนะครับสำหรับบทความการปลูกบวบไว้ทานหวังว่าจะพอเป็นแนวทางในการปลูกสำหรับท่านที่อยากจะลองปลูกไว้กินดูรับรองว่าปลูก 3 หลุม 6 ต้นกินกันไม่ทันแน่นอนครับ
     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น